วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สบู่ก้อนน้อยนิด..


คนที่ใช้สบู่ก้อนเป็นประจำ เวลาเหลือก้อนกะจิ๊ดริด ก็ถูตัวไม่มันส์แล้ว ใช้ไม่เต็มมือ...ส่วนใหญ่ก็จะทิ้งลงขยะไปเลย ไม่เสียของแล้วล่ะคราวนี้ ลองรวบรวมพวกสบู่ที่เหลือๆเอาไว้ แล้วนำไปหลอม ต้มกับน้ำให้พอเหมาะจนละลาย แล้วก็เติมใส่ขวดหัวปั๊ม(ที่เราเคยเก็บสะสมไว้) เอาไปใช้ล้างมือได้เลยค่ะ เห็นม่า...ไม่เสียของเลย แถมไม่ต้องไปซื้อสบู่เหลวล้างมือให้เปลืองสตังค์ด้วย อินเทรนด์สุดๆ
ลองทำใช้ดูนะคะ

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

ถ่ายรูปสมัครงาน


หลายๆคนอยู่ในช่วงสมัครงานใหม่ ต้องเตรียมทั้งจดหมายสมัครงาน เอกสารการศึกษา ที่สำคัญก็คือ รูปถ่าย เดี๋ยวนี้เราอาจไม่จำเป็นต้องไปถ่ายที่ร้านถ่ายรูปแล้ว สามารถประหยัดค่ารูปได้เยอะเลย โดยการสร้างฉากเอง อาจใช้ผ้าม่านสีฟ้าขึงให้ตึง หรือใช้กระดาษโปสเตอร์สีขาวมาทำฉากหลังแบบง่ายๆ เสร็จแล้วก็แต่งตัวให้หล่อ ให้สวย แล้วให้คนใกล้ชิดถ่ายให้ ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน เอาไปให้ร้านถ่ายรูปพริ้นท์ให้
ยังไงก็ยังถูกกว่าใบละร้อยก็แล้วกัน

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พกขวด ถุงผ้า กันเถอะ!

เคยตั้งคำถามกับตัวเองมั้ยว่า....ทำไมเดี๋ยวนี้ น้ำดื่มยังต้องซื้อกันเลย ทั้งๆที่น้ำมีอยู่ในธรรมชาติอยู่แล้ว เราทุกคนในโลกมนุษย์นี้มีสิทธิได้ดื่มกินโดยไม่น่าจะเสียสตางค์เลย... สมัยก่อนเรากินก๋วยเตี๋ยวแถมน้ำดื่มฟรี แต่เดี๋ยวนี้คิดอย่างต่ำ 2 บาท ยิ่งถ้าไปกินที่ห้างสรรพสินค้าด้วยแล้ว โน่น...ขวดละ10-15บาททีเดียว ทำไมเราไม่มาสร้างนิสัยประหยัดและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆกันล่ะ? โดยการพกขวดเปล่าที่เติมน้ำดื่มจากบ้านพร้อมกับถุงผ้าเวลาไปข้างนอกทุกครั้ง เราก็จะได้ไม่เสียเงินไปอย่างไร้สาระ ในเมื่อเราสามารถประหยัดได้ใช่มั้ยคะ. ว่าแต่เรารีบลงมือทำกันเลยนะ! อย่าลืมพกน้ำเปล่ากับถุงผ้าทุกครั้งที่ออกจากบ้าน สร้างให้เป็นนิสัยเลย....
ป.ล.ทราบมั้ยคะว่า ถุงขยะและขวดพลาสติกทั้งหลายบนโลกเรานี้ ถ้าเรียงเป็นแนวยาว มันจะยาวเป็นหลายๆล้านไมล์ไปถึงดวงจันทร์และพันกันหลายๆรอบดวงจันทร์เลยทีเดียว....น่ากลัวจัง!!

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พลังงานฟรีๆ


เดี๋ยวนี้...ใครๆก็ต้องสำนึกถึงการอนุรักษ์โลกกันแล้ว และจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะผลภัยพิบัติจากธรรมชาติที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ที่ได้สะสมมาตั้งแต่อดีต ได้ปรากฎให้เห็นถี่ๆขึ้น และเพิ่มดีกรีความรุนแรงเรื่อยๆ เราจึงละเลยความรับผิดชอบต่อโลกใบน้อยนี้ของเราไม่ได้เลย ก็ถ้าโลกนี้เสียหาย แล้วเราจะไปอาศัยอยู่ที่ไหนล่ะ? ...เริ่มจากเครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำน้ำอุ่นซึ่งเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุดในบ้านก็ว่าได้ เราก็จัดการรวมเอาสองเครื่องนี้ให้ทำงานร่วมกันซะ หลักการง่ายๆ คือ ใช้ความร้อนที่เหลือใช้จากคอมเพรสเซอร์แอร์มาทำน้ำร้อนเพื่อใช้อาบโดยที่ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเลย เรียกระบบ Heat Recovery Water Heater ซึ่งจะติดตั้งถังสำหรับเก็บน้ำร้อนไว้ได้ 24-48ชั่วโมงเลยทีเดียว จึงสามารถใช้น้ำอุ่นได้แม้ไม่ได้เปิดแอร์ แต่ระบบนี้คุณต้องลงทุนประมาณ 2 หมื่นบาท สำหรับอุปกรณ์ครบชุด ซึ่งช่วยคุณประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 10-20% ไปตลอดกาล....รู้แล้วรีบวางแผนกันได้เลยนะคะ อ้อ! แถมอีกนิดนึงเวลาซักผ้าเสร็จ เราลองย้ายราวตากผ้าไปวางไว้ด้านหลังของเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่ซิคะ จะทำให้แห้งเร็วขึ้นเยอะเลย....
ข้อมูลจากโพสต์ทูเดย์

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เคล็ดไม่ลับ...รักษาเฟอร์นิเจอร์


คนรักบ้าน รักเฟอร์นิเจอร์ เชิญทางนี้...เรามีเคล็ดไม่ลับมาฝากจ้า...ก็แหม...จะทนดูเฟอร็นิเจอร์ที่ซื้อมาแพงๆ ดูหม่นหมอง เปรอะเปื้อนได้ยังไง เรามาดูวิธีรักษากันเถอะ
1.เฟอร์นิเจอร์ไม้แบบโชว์ เมื่อใช้งานไปได้ประมาณ 6 เดือน ผิวของไม้ที่เคยเงางามก็จะเริ่มหมองคล้ำ เก่าลง เราควรทำความสะอาดโดยการปัดฝุ่นออก และพ่นด้วยน้ำยาบำรุงรักษาเนื้อไม้ ก่อนทำการขัดเบาด้วยผ้า ผิวไม้จะกลับมาดูเงางาม น้ำยาจะทำหน้าที่เป็นครีมเคลือบบางๆ มิให้น้ำหรือฝุ่นเกาะติดง่ายๆ ส่วนคราบน้ำที่ซึมลงไปในพื้นไม้ เช่น คราบแก้วน้ำเย็นที่วางโดยไม่มีจานรอง ให้ใช้ทิชชู่ป้ายน้ำมายองเนส 2
ช้อนโต๊ะ แล้วนำมาป้ายกดบนคราบน้ำทิ้งไว้ 15 นาที แล้วค่อยนำกระดาษทิชชู่ขึ้น ถ้าพบว่ายังมีคราบเหลืออยู่ให้กดทับไว้อีกจนคราบน้ำนั้นหายไป
2.เฟอร์นิเจอร์ประเภทหนังแท้ เฟอร์นิเจอร์หนังแท้ ที่ดูหรูหราเป็นธรรมชาติ ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากพอสมควร โดยห้ามใช้สารเคมีชนิดรุนแรงเด็ดขาด จำพวกน้ำมันสน น้ำยาขัดเงา น้ำยาที่เป็นกรดต่างๆ จะต้องเลือกใช้น้ำยาที่ออกแบบมาเฉพาะกับเฟอร์นิเจอร์หนังแท้เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้หนังแห้ง เกิดรอยแตก กระด้าง ส่วนการทำความสะอาดนั้นแสนง่ายด้วยการเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นบิดให้หมาด หรือผสมแชมพูอ่อนๆ หากสกปรกมากให้ใช้น้ำมันจักรหรือน้ำยาทำความสะอาดหนังแท้โดยตรง แล้วหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกแสงแดด เพราะจะทำให้หนังแข็งกระด้าง
3.เฟอร์นิเจอร์ประเภทหนังเทียม หนังเทียมส่วนใหญ่ทำจากวัสดุ พียู (PU) กับ พีวีซี (PVC) ที่เลียนแบบเหมือนหนังแท้ เราควรหลีกเลี่ยงน้ำยาประเภทสารทำละลายต่างๆ เช่น น้ำมันสน ทินเนอร์ แอลกอฮอล์ หรือน้ำมันก๊าด ส่วนการทำความสะอาด ก็ให้ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาด หรือน้ำแชมพูอ่อนๆเช็ด หากสกปรกมากให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดทั่วไปเช็ด หลีกเลี่ยงแสงแดดซึ่งจะทำให้หนังกรอบเสีย
4.เฟอร์นิเจอร์ที่มีกระจกเป็นองค์ประกอบ ทำความสะอาดโดยใช้ผ้าชามัวร์หรือเสื้อยืดผ้าฝ้ายตัวเก่าเช็ดร่วมกับน้ำยาเช็ดกระจก หรือน้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา หรือแอมโมเนียผสมน้ำ ก็ใช้แทนกันได้
เท่านี้...ก็ทำให้เฟอร์นิเจอร์สุดรักสุดหวงกลายเป็นของใหม่ได้อีกครั้งแล้ว....
จากโพสต์ทูเดย์

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ช้อปดอกเบี้ย...แบงค์


ณ.เพลานี้...ค่าครองชีพพุ่งกระฉูด เงินในกระเป๋าหดแฟบลงทุกที เงินฝากในแบงค์ที่เคยให้ดอกกล้อมแกล้มพอค่าขนม นม เนย ตอนนี้ก็ต่ำเตี้ยติดดิน แทบเป็นศูนย์ สวนทางกับดอกกู้ที่พุ่งปรี๊ด.... อย่ากระนั้นเลย เรามาหาแบงค์ที่พอให้ดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าแบงค์อื่นๆกันเถอะ (แม้จะไม่สูงเท่าที่เราอยากได้ ก็ยังดีกว่านะ) ลองดูที่ ธนาคารเกียรตินาคิน เห็นเค้าให้ดอกเบี้ยตามนี้...
เงินฝากประจำ 24 เดือน อัตราดอกเบี้ยที่ 2.00% ต่อปี
เงินฝากประจำ 18 เดือน อัตราดอกเบี้ยที่ 1.75% ต่อปี
เงินฝากประจำ 12 เดือน อัตราดอกเบี้ยที่ 1.30% ต่อปี
ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2552 จนกว่าธนาคารจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
http://www.kiatnakin.co.th/
tel 0 2680 3133-4
หรือจะรอพันธบัตรวายุภักษ์ของรัฐบาลที่วางแผนจะออกมาเร็วๆนี้ก็ดีนะ แต่ต้องคอยติดตามข่าวอีกที
.....อยู่อย่างจน จะไม่มีวันจน แต่ถ้าอยู่อย่างรวย จะไม่มีวันรวย....

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

ไม้แดก!


ตั้งชื่อหัวข้อไม่สุภาพไปหน่อยนะคะ แต่ขอใช้คำไทยเดิมนี่แหละ คงไม่มีใครว่าอะไร (รึเปล่า?) ยุคนี้หากว่าสามารถช่วยตัวเองประหยัดอะไรได้ก็ควรทำกันนะ อย่างเช่น การปลูกพืชผักสวนครัว อาหารจำเป็นในชีวิตประจำวัน เราไม่จำเป็นต้องมีที่ดินเยอะๆ ก็สามารถลงมือปลูกได้เลย โดยใช้กระบะดินเผายาวๆ ใส่ดินผสมปุ๋ยให้ร่วนดี หลายๆกระบะ แล้วโรยพวก เมล็ดพริกขี้หนูเอย เม็ดแก่ๆของกะเพราเอย
โหระพา หัวหอมที่เหลือในครัวนำไปปักในดิน ก็จะกลายเป็นต้นหอม กระชายที่ใช้เหลือก็ฝังลงไปปลูกได้ ตะไคร้ก็เช่นกัน ปักลงดินเลย
หรือถ้าได้เมล็ดพันธ์ผักต่างๆ เช่น ผักคะน้า ก็โรยลงกระบะ แล้วให้ตากแดดล่ะ เพราะชอบแดด แค่นี้...เราก็มีพืชผัก ไว้ใช้ในครัวกันมากมายแล้ว ไม่ต้องซื้อหา แถมเป็นออร์แกนิค ปลอดสารพิษซะด้วย

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2552

น้ำ...ต้องรู้ค่า


เหมือนว่า...เราชาวกรุงเทพจะใช้น้ำกันอย่างสุรุ่ยสุร่าย โดยคิดว่าน้ำจะไม่มีวันหมดจากโลก โปรดคิดใหม่ซะเถิด! รู้มั้ยว่า ชีวิตที่สะดวกสบาย มีน้ำประปาใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เราไปเบียดเบียนชาวจังหวัดอื่น ให้เค้าเสียสละให้ชาวก.ท.ม. โดยการขุดคลองปิดยาว 99 ก.ม.ให้เป็นทางน้ำไหลจากแม่น้ำแม่กลอง บริเวณเขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งเป็นต้นน้ำ ในขณะที่ชาวแม่กลองหลายๆครัวเรือนมักเจอปัญหาว่า น้ำไม่ค่อยไหล ยิ่งรุ่งเช้าและหัวค่ำด้วยแล้ว ยิ่งแย่ใหญ่ ที่บอกนี่...ก็เพื่อให้พวกเราต้องสำเหนียกว่า มีพี่น้องของเราต้องเสียสละเพื่อความสะดวกสบายของชาวก.ท.ม.อยู่ เพราะฉะนั้นจึงสมควรที่พวกเราจะต้องช่วยกันใช้น้ำกันอย่างสำนึก รับผิดชอบ... เรามาดูนะว่า พวกเราใช้น้ำกันอย่างไรบ้าง
การล้างผัก ในกะละมัง ใช้น้ำ 15 ลิตร แต่ถ้าเปิดน้ำไหล 10นาที ต้องใช้น้ำ 120 ลิตร
ซักล้าง โดย เครื่องซักผ้าฝาหน้ารุ่นประหยัดน้ำ ใช้น้ำ 100 ลิตร ถ้าฝาบนแบบธรรมดาต้องใช้ถึง 240 ลิตร
อาบน้ำ โดยฝักบัวรุ่นประหยัดน้ำ(6นาที) ใช้น้ำ 35 ลิตร อ่างน้ำ ใช้ 100 ลิตร จากุ๊ชชี่ใช้ถึง 420 ลิตร
ล้างรถ โดยรองน้ำใส่ถัง ใช้น้ำ 75 ลิตร ถ้าใช้สายยาง 420 ลิตร
ห้องน้ำ ชักโครกรุ่นประหยัดน้ำแบบครึ่งถัง ใช้น้ำ 3 ลิตร ถ้ารุ่นประหยัดน้ำ ใช้น้ำ 6 ลิตร ส่วนรุ่นธรรมดา ใช้น้ำถึง 11 ลิตร
เห็นมั้ยคะว่าตัวเลขแตกต่างกันมากเลย ถ้าเปรียบเทียบอัตราการใช้น้ำแบบประหยัด กับไม่ประหยัดก็จะได้ดังนี้
อัตราการใช้น้ำอย่างประหยัด 137.57 ลิตร/คน/วัน หรือ 550.28 ลิตร/ครัวเรือน/วัน
อัตราการใช้น้ำแบบไม่ประหยัด 536.33 ลิตร/คน/วัน หรือ 2145.33 ลิตร/ครัวเรือน/วัน
เห็นตัวเลขแล้ว ก็น่าตกใจนะคะ ว่าทำไมมนุษย์เราถึงใช้น้ำกันฟุ่มเฟือยเช่นนี้ ถึงเวลาที่พวกเราจะร่วมแรงร่วมใจกันช่วยประหยัดน้ำ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่ากันเถอะ!
ข้อมูลจากวารสารพลัง+งาน
" ทรัพยากรของโลก มีเพียงพอที่จะแบ่งปันและเจือจานให้ทุกคน แต่ไม่เพียงพอที่จะแบ่งให้คนโลภแม้เพียงคนเดียว"
มหาตมะ คานธี

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2552

ทานแล้วทวน!


ถึงแม้เศรษฐกิจจะฝืดๆ แต่บางครั้งเราก็อยากออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านกับครอบครัวเหมือนกัน นานๆไปที ไม่เป็นไรหรอก ถ้าพอมีเงินอยู่บ้าง ก็กระจายรายได้ออกไปให้เศรษฐกิจหมุนหลายๆรอบ ต้องช่วยๆกันโดยที่เราก็ไม่เดือดร้อนนะ ร้านค้าก็พออยู่ได้ด้วย...
แต่ก่อนจะสั่งอาหารก็ต้องดูจำนวนคน แล้วกะประมาณกับข้าวว่าจะสั่งกี่อย่างก่อนนะจ๊ะ ไม่ใช่มาถึงร้านก็ขอเมนู แล้วสั่งเอาๆ มากันสี่คน แต่สั่งไปตั้ง 9 อย่าง เป็นต้น อย่างนี้เรียกว่าหิวจนไม่ยั้งคิด ของเหลือบานเบอะ เรียกเช็คบิลที หงายหลังกับยอดเงินเลย! ก่อนอื่น เราต้องตกลงกับสมาชิกว่าเราจะสั่งกันเท่านั้น เท่านี้อย่าง ไม่ให้เกินจำนวนเพื่อจำกัดงบฯ เมื่อกินกันเสร็จแล้ว ตอนเรียกพนักงานเช็คบิลมา ก็ต้องตรวจสอบรายการอาหารว่ายอดรวมถูกต้องมั้ย เพราะเท่าที่เห็น ส่วนใหญ่เวลารับบิลมา ก็ดูแต่ยอดรวม แล้วจ่ายเงินเลย แต่ขอโทษเถอะ! เจอกับตัวเองหลายครั้งแล้วว่า รายการอาหารไม่ตรงกับที่เราสั่งไป คือคิดเกินมา หรือไม่ก็บวกเลขผิด จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ไม่รู้ ยังไงเราก็ต้องรักษาเงินในกระเป๋าเราดีๆ อย่าให้ลอยออกไปอย่างเสียรู้ ทั้งๆที่สามารถตรวจสอบได้ ( อย่าลืมเอาเครื่องคิดเลขหรือมือถือใช้คิดเลขก็ดึนะ ) เวลาตรวจเจอว่าเขาคิดเกิน แล้วได้เงินคืนมาเนี่ย มันภูมิใจนะ ขอบอก....อย่าถือว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆล่ะ

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552

เพ้นท์กระถางหาสตางค์กัน


ครั้งนี้มีไอเดียเก๋ๆมาฝากเพื่อนๆค่ะ เราจะมาเพ้นท์กระถางต้นไม้กิ๊บเก๋กันนะคะ อุปกรณ์ก็มีดังนี้
1.กระถางต้นไม้ 2.สีอะครีลิก 3.พู่กันขนาดต่างๆ 4.จานสี 5.สเปรย์เคลือบ
ขั้นตอนการทำ
1.ทำความสะอาดกระถาง ก่อนนำมาระบายสีพื้น 2-3 รอบ เพื่อความสวยงาม
2.ร่างแบบที่ต้องการด้วยดินสอ และเพ้นท์สีตามแบบที่ร่างไว้
3.ใช้พู่กันเบอร์เล็กตัดเส้นเพื่อความคมชัดของลาย
4.ทิ้งให้แห้งสนิท จากนั้นพ่นเคลือบด้วยสเปรย์เคลือบ เพื่อความสดใส และคงทน
5.ก่อนใส่ดิน ควรอุดรูกระถางด้วยก้อนหินเล็กๆ
6.นำต้นไม้ที่เตรียมไว้ ใส่กระถาง
7.จัดรูปทรงของต้นไม้ และตกแต่งด้วยก้อนหินเพื่อความสวยงาม
เห็นม่า...ไม่ยากเลย ได้กระถางต้นไม้สุดแนว พร้อมออกวางขายหารายได้ หรือไม่ก็นำไปมอบเป็นของขวัญให้คนที่รักได้แล้ว
สำหรับคนที่วาดภาพไม่เก่ง ก็ลองตัดภาพสวยๆทากาวและแปะลงบนกระถาง รอให้แห้งสนิท จากนั้นเคลือบด้วยน้ำมัน sealer&varnish เพื่อความคงทน ก็จะได้กระถางกิ๊บเก๋ สวยไปอีกแบบ
ไอเดียจากชุมทางอาชีพ

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2552

เสื้อเชิ้ตเก๋ๆ


เฮ้อ! พรุ่งนี้จะใส่ชุดไหนดีน้า... เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนล้วนมีปัญหานี้ทั้งนั้น โดยเฉพาะสาวๆออฟฟิศ ไหนจะต้องใส่ให้ดูดี มีสไตล์ ไม่ให้ซ้ำกันมาก ไหนจะต้องกันเงินไปซื้อชุดทำงานใส่อีก ค่าใช้จ่ายเยอะจริงๆ เราลองมาประหยัดโดยวิธีเลือกเสื้อเชิตหลายๆตัว สีเดียวกัน(สีขาวยิ่งดีใหญ่) แล้วใส่กับกางเกงผ้าขายาวสีเข้มคัตติงดีๆ คาดด้วยเข็มขัดหนังเส้นเล็กๆ จัดให้เป็นยูนิฟอร์มของเราหรือของแผนกไปเลย
ไม่ต้องมาปวดหัวเตรียมชุดของวันรุ่งขึ้น ไม่ต้องซื้อชุดบ่อยๆ save เงินไปได้เยอะเลย แถมช่วยระบายอากาศได้ดีด้วย ลองดูซิคะ
อ้อ! มีเคล็ดลับการมิกซ์แอนด์แมตช์มาฝากด้วยล่ะ
- เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวเข้ารูป ควรเลือกที่มีลูกเล่นและคัตติงดีๆ เช่น เสื้อเชิตปลายแขนพับติดกระดุมแบบฝรั่งเศส ลองจับมาเข้าคู่กับกางเกงผ้าขายาวสีดำ คาดด้วยเข็มขัดหนังเส้นเล็กสีดำหรือสีแดง หรือเข็มขัดแบบสายโซ่เงินและทองเส้นเล็กๆ จะทำให้คุณดูเป็นสาวหวานคลาสสิค
- เสื้อเชิ้ตสีขาวคอลึก เมื่อหยิบมาแมตช์กับกระโปรงเข้ารูปปลายตวัดออกอย่างที่มักจะเรียกกันว่ากระโปรงทรงหางปลา คาดทับด้วยเข็มขัดเส้นจิ๋วและรองเท้าส้นสูง จะยิ่งทำให้คุณดูสวยสง่าแอบเซ็กซี่ และไม่เฉิ่มเชย
ข้อมูลบางส่วนจากโพสต์ทูเดย์

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

เครื่องปรับอากาศ...ประหยัดได้


บางครั้ง...เราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะหน้าร้อนจัดในเดือน มี.ค.-เม.ย แต่เราสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ง่ายๆ ด้วยข้อมูลเล็กๆน้อยๆดังนี้
- เครื่องปรับอากาศที่ไม่ได้ล้างมา 5 เดือน เมื่อล้างแล้วประหยัดได้ร้อยละ 10
- เครื่องปรับอากาศที่ไม่ได้ล้างมา 2 ปี เมื่อล้างแล้วประหยัดได้ร้อยละ 35
- การตั้งอุณหภูมิจาก 25 องศา เป็น26 องศา ประหยัดได้อีกร้อยละ 10
บ้านเรือนทั่วประเทศ มีเครื่องปรับอากาศประมาณ 1,600,000 เครื่อง หากประหยัดได้เพียงร้อยละ 10 จะลดความต้องการใช้ไฟฟ้าลงประมาณ 240 เมกะวัตต์
หากบ้านเรือนทั่วประเทศปิดหลอดไฟ 1 ดวง จะลดความต้องการใช้ไฟฟ้าลง 480 เมกะวัตต์ รวมกันเป็น 720 เมกะวัตต์
เห็นรึยังคะ ความรู้เล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ทำให้เราได้วิธีประหยัดเพิ่มขึ้นอีก
ข้อมูลจากวารสารพลัง+ งาน

วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2552

ขนมปังสังขยาจ้า....


อยากกินขนมจัง! แต่พอดูราคาในห้างฯที่ขายๆกัน ก็รู้สึกต้องควักอย่างต่ำใบแดงๆออกมาจากกระเป๋า ก็เลยชวนคุณๆมาลองทำกินกันเองดีกว่า ทำง่าย ประหยัด และอร่อย...ก้อ ขนมปังสังขยา งัยล่ะ
เริ่มจาก ส่วนผสม: ไข่แดง 5 ฟอง, น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง, หัวกะทิคั้นสด 2 ถ้วยตวง, น้ำคั้นใบเตยสด 2 ชต., แป้งข้าวโพด 1 1/2 ชช., นมข้นจืด 1-2 ชต.,
วิธีทำ
1 แยกไข่แดงมาผสมกับน้ำตาลทรายขาว โดยใช้มือขยำให้เข้ากัน
2 ใส่หัวกะทิสดและน้ำคั้นใบเตยสด เทใส่ภาชนะทนไฟ แล้วตั้งไปในหม้อน้ำเดือดเพื่อตุ๋น ใช้ไม้พายคนไปทางเดียวกันอย่างสม่ำเสมอ ไม่เช่นนั้นเนื้อสังขยาจะเหลว ไม่ข้นไม่หนืด
3 ละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำสะอาดเล็กน้อย เทลงไปผสมด้วย แล้วตุ๋นต่อไปจนข้น โดยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
4 เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยนมข้นจืดให้ความมันและกลิ่นหอม
เสริฟพร้อมขนมปังปอนด์หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า นึ่งร้อน
สูตรจากตั้งสำรับคาวหวาน

วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2552

มาเพ้นท์รองเท้ากันมะ!


ซัมเมอร์มาแล้ว...ช่วงนี้เด็กๆปิดเทอมกัน อยู่บ้านว่างๆ ผู้ปกครองก็อย่าให้ลูกหลานเล่นแต่เกมนะคะ เราลองมาหากิจกรรมดีๆ แถมประหยัดเงิน แล้วก็ทำรายได้ให้เด็กๆอีกด้วย เป็นวิธีที่สอนให้เค้าได้รู้คุณค่าของเงินทอง และรู้สึกภูมิใจในตัวเองด้วยค่ะ เราลองมาเพ้นท์รองเท้าเก๋ๆกันนะ
อุปกรณ์
- รองเท้ากังฟู หรือรองเท้าผ้าใบสีขาว
- สีเพ้นท์ผ้า ยี่ห้อ เอสที หาซื้อได้ตามห้างฯ
- พู่กัน ดินสอ
ขั้นตอนการทำ
- ใช้ดินสอวาดรูป หรือลวดลายที่ต้องการลงบนรองเท้า
- ใช้สีเพ้นท์ระบายลงบนรองเท้าตามใจชอบ
- ตัดเส้นเพื่อความคมชัด
- ตากให้แห้ง ได้ชิ้นงานสำเร็จ
คำแนะนำ
รองเท้ากังฟูหาซื้อได้ตามร้านขายรองเท้าทั่วไป ราคาประมาณคู่ละ 120-150บาท แต่หากต้องการซื้อจำนวนมากๆ แนะนำให้ไปซื้อได้ที่ตลาดคลองเตย ราคาขายส่งอยู่ที่คู่ละ 90-100บาท เพ้นท์เรียบร้อยแล้ว สามารถตั้งราคาขายได้ถึงคู่ละ 250-350บาท ขึ้นอยู่กับลวดลาย ส่วนลวดลายในการเพ้นท์นั้น หากมีฝีมือก็เพ้นท์ไปตามจินตนการ
ได้เลย แต่ถ้านึกไม่ออกและต้องการลวดลายน่ารักๆ สามารถหาได้จากสมุดภาพระบายสี หรืออินเตอร์เน็ตก็ได้ค่ะ
สถานที่ขาย
เช่น ตามตลาดนัด,ตลาดนัมเบอร์วันรามคำแหง,จตุจักร,สนามหลวง2,ลานเซ็นเตอร์พอยต์ เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นต้น

ที่มา จากนิตยสารชุมทางอาชีพ

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2552

น้ำยาเช็ดกระจก



ว้า...กระจกหน้าต่างมัว กระจกเงาเขรอะ ต้องหาซื้อน้ำยาเช็ดกระจกจากห้างฯแล้ว ไม่ต้องเลย...ไม่ต้อง...ไม่ต้องเสียเงินเลยจ้ะ
ลองมองหาน้ำส้มสายชูในครัวซิ น่านละ...ใช้ได้เลย หยดซะ 2-3 ต่อน้ำ 1 ลิตร แล้วใช้ผ้าชุบ บีบให้หมาด นำไปเช็ดกระจกได้เลย
เท่านี้ ก็จะได้กระจกใส แจ๋วแหวว ส่องสวยให้ตัวเองได้แล้ว ฮิฮิ..

วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2552

สระผม2น้ำ

ยุคนี้...ใครสามารถคิดวิธีประหยัดได้มาก ก็สามารถช่วยยืดอายุเงินในกระเป๋าไปได้หลายเพลานะเจ้า!
แม้แต่การสระผม ตามความเคยชิน เรามักจะสระด้วยแชมพู 2 ครั้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าอีก 2-3 ครั้ง คราวนี้เราลองมาเปลี่ยนพฤติกรรม โดยใช้แชมพูสระผมเพียง 1 ครั้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าเพียง 1 ครั้งในกรณีไม่สกปรกมาก หรือ2 ครั้งหากว่ายังรู้สึกว่าไม่สะอาด แค่นี้ก็จะทำให้ประหยัดทั้งแชมพูสระผม ประหยัดน้ำได้ด้วย อ้อ! แทนที่จะใช้ครีมนวดผม ซึ่งยังต้องล้างน้ำออกอีก เราก็ใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์นิดหน่อยลูบ ชโลมผม โดยไม่ต้องล้างออก ก็ทำให้ผมลื่น ไม่พันกันแล้ว แถมรักษาเส้นผมให้แข็งแรง มีน้ำหนักเงางามอย่างประหยัดได้ด้วย